Powered By Blogger

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552

รับสอบถามปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์


รับสอบถามัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

มหาสงครามวิหคเพลิงตะวัน

บทที่ 3

รับภารกิจ

“เอาล่ะ ยินดีต้อนรับนักรบฝึกหัดผู้ป้องกันหมู่บ้านของพวกเราทั้งหลาย พวกเจ้าคงรู้แล้วสินะว่าวันนี้เราจะมาปฐมนิเทศก่อนจะรับภารกิจพร้อมกันทั้งสามหมู่บ้าน เอาล่ะ อย่างแรกข้าคือโซเรส ราวานิทัส ผู้ให้ภารกิจและหน้าที่ของพวกเจ้า ข้าจะอยู่ที่หมู่บ้านเฮรันและเมื่อเสร็จภารกิจแล้วก็จงมาบอกข้าด้วย ส่วนคนข้าง ๆ ข้าคือเซเรส ราวานิทัสน้องของข้า เป็นผู้หาข่าวสารมาให้พวกเจ้ารวมถึงเมื่อเสร็จภารกิจต่าง ๆ แล้วเจ้าก็จะสามารถมารับค่าจ้างที่เขาได้และแน่นอนว่าเขาก็ย่อมอยู่ที่หมู่บ้านเฮรันเช่นเดียวกันกับข้า”
“ต่อมาวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งนักรบผู้ป้องกันหมู่บ้านของเรานั้น อย่างที่พวกเจ้ารู้ก็แล้วคือเพื่อป้องกันหมู่บ้านในพันธมิตรดาเรนเซียร์แล้วหาข่าวเพื่อป้องกันหมู่บ้านของตนเอง ง่าย ๆ ก็คือว่าเป็นนักรบรับจ้างทำตามภารกิจที่พันธมิตรดาเรนเซียร์มอบหมายนั่นเอง”
“สำหรับในตอนนี้ข้าจะแบ่งพวกเจ้าเป็นกลุ่มเพื่อแบ่งกันรับภารกิจ ข้าเขียนไว้แล้วนะ ถ้าข้าเรียกชื่อใครให้ไปนั่งตามที่ข้าชี้นะ เอาล่ะกลุ่มแรกมีซอโรส…”
“…สุดท้ายคือกลุ่มที่แปดมี เฟย์ราเซส เลโรลอส ธาร์นิเรียส ลาริมาร์ และคาร์เซส”
“และอีกอย่าง ภารกิจที่กลุ่มของพวกเจ้าต้องกระทำได้อยู่ในกระดาษที่เบื้องหน้าของพวกเจ้าแล้ว หวังว่าจะโชคดีนะ นักรบทุกท่าน” โซเรส เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทอธิบายอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหายวับไปเช่นเดียวกันกับเซเรสน้องชายของเขา เฟย์จึงหันมามองภารกิจซึ่งถูกเขียนไว้ในกระดาษสีขาวนวลลอยอยู่บนเบื้องหน้าเด็กหนุ่ม แต่ก่อนที่จะได้อ่านก็มีคนพูดขึ้นมาก่อน
“ภารกิจของพวกเราคือ สำรวจรอบ ๆ ป่านี้ว่ามีสัตว์ร้ายอยู่ในป่าเทอร์ควานนี้หรือไม่แล้วถ้ามีนะ ก็พยายามปราบมันซะ เอาล่ะเรามาแนะนำตัวกันก่อน ข้าชื่อธาร์นิเรียส โซมาเรียน เป็นมือขวานแห่งหมู่บ้านเฮรัน” ผู้พูดนั้นมีเรือนผมหยักเล็กน้อยสีทองอร่ามยาวประบ่า ดวงหน้าสีอ่อนหยาบกร้านแสดงถึงการฝึกและการต่อสู้มาอย่างหนักรับกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มทอประกายสดใส
“ข้าชื่อลาริมาร์ เธมิควาน เป็นนักบวชแห่งหมู่บ้านโซริค ส่วนคนข้าง ๆ นี่น้องชายต่างแม่ของข้า ชื่อคาร์เซส เธมิควาน เป็นนักฆ่าแห่งหมู่บ้านโซริค” ลาริมาร์นั้นมีผมสีฟ้าน้ำทะเลเหยียดตรงยาวเลยบ่าเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววรอบรู้ ส่วนคาร์เซสนั้นมีเส้นผมสีดำสนิทดั่งรัตติกาลเหยียดตรงยาวประบ่า นัยน์ตาสีเดียวกับเส้นผมดูลึกลับแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม
“ข้าชื่อเฟย์ราเซส เดมิเนอร์ เป็นมือดาบคู่แห่งหมู่บ้านรารัน” เฟย์แนะนำตัวเรียบ ๆ พลางคิดอย่างประหลาดใจในสิ่งที่เขามองเห็น
แปลกนะ มีนักบวชเป็นพี่น้องกับนักฆ่าซะด้วย สีผมก็แตกต่างกันมากเลย ก็ต่างแม่นี่เนาะ
“ส่วนข้าชื่อเลโรลอส เซฟินาร์ เป็นจอมเวทแห่งหมู่บ้านรารัน” ลอสเอ่ยพลางยิ้มให้เพื่อนใหม่เล็กน้อย “เดี๋ยวข้ากับเฟย์จะนำทางเข้าป่าให้เอง พวกเราเคยไปแถวเขตชายป่าบ่อย ๆ แต่ก็ยังไม่เคยเข้าไปข้างในหรอกนะ” ทั้งหมดลุกขึ้นยืนและเดินตามลอสกับเฟย์ออกไปนอกหมู่บ้านรารัน ระหว่างทางพวกเขาก็พูดคุยซักถามเกี่ยวกับที่มากันนิดหน่อย
เมื่อถึงชายป่าแล้วลอสก็ค่อยแนะนำเรื่องป่านี้เล็กน้อย
“ป่าเทอร์ควาน พวกนายเคยได้ยินไหมว่ามันเป็นป่าที่เปลือกนอกดูจะธรรมดา แต่เมื่อเข้าไปข้างในลึก ๆ แล้วก็จะมีสัตว์ร้ายอาศัยจำนวนมากดังนั้นภารกิจนี้ก็ถือว่ายากพอสมควร เธียส (ธาร์นิเรียส) เมื่อเสร็จแล้วเราจะได้ค่าตอบแทนภารกิจเท่าไหร่ ?” ประโยคสุดท้ายลอสหันไปถามธาร์นิเรียส ภายใต้เรือนผมสีทองนั้น นัยน์ตาน้ำตาลกำลังมองดูบนกระดาษ
“หนึ่งหมื่นเหรียญทอง” เธียสเอ่ยเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ แม้ว่าบางคนแอบสะดุ้งตกใจอยู่ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาโดยเฉพาะลอสที่มีสีหน้าที่เหมือนไม่ได้มีปฏิกิริยาจากคำพูดนั้นเลย
“นั่นก็ถือว่าเหมาะสมกว่าภารกิจอย่างดี” ลอสบอกเสียงเรียบ ดวงหน้าอันดูคลับคล้ายอิสตรีไม่เหลือรอยยิ้มอีกต่อไป “เอาล่ะ เตรียมอาวุธให้พร้อมแล้วเข้าไปในป่ากันเถอะ”
เฟย์หยิบพลองเหล็กกล้าออกมาแล้วใช้มันแหวกกอหญ้าสีเข้มซึ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามความลึกของป่า ส่วนอาวุธของคนอื่น ๆ นั้นก็มีขวานคู่ของเธียส คทายาวสีขาวประดับอัญมณีสีฟ้าของลาริมาร์ มีดราวร้อยกว่าเล่มของคาร์เซสและสุดท้ายคือคทาสีทองประดับอัญมณีสีเขียวใบตองของลอส
แสก ๆ เสียงฝ่าดงหญ้าของอะไรบางอย่างดังขึ้นด้านหน้าพวกเขา
“ชิ เจอแล้วหนึ่งตัว” เสียงของเธียสดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมบนใบหน้าของผู้พูด…
สัตว์ประหลาดตัวแรกที่พวกเขาเจอก็คืองูตัวใหญ่เกล็ดสีเขียวเนื้อสีขาวสูงเลยศีรษะของเธียสนิดหน่อย มันแลบลิ้นสีแดงปลายสองแฉกออกมาแล้วตวัดหางใส่คนแรกที่เห็นนั่นคือเฟย์ มือดาบคู่นั้นกระโดดขึ้นเพื่อหลบหางที่ตีมาทางพื้นหญ้า ฉับพลันเธียสกับคาร์เซสก็เข้าร่วมวงต่อสู้ด้วย
“ฟิ้ว” เสียงฝ่าอากาศเบา ๆ จากมีดสั้นที่ถูกซัดจากมือของคาร์เซสทว่ามันไปไม่ถึงเป้าหมายเพราะงูตัวใหญ่นั้นพลิกตัวให้ส่วนที่มีเกล็ดแข็ง ๆ นั้นมารับมีดสั้นและขวานด้านขวาที่เธียสฟันมาส่วนขวานด้านซ้ายนั้นไปฟันใส่เนื้อของงูจนมีบาดแผล เฟย์เห็นดังนั้นจึงกระโดดทับปลายหางของมันซึ่งทำให้เลือดสีแดงเข้มทะลักออกมาจากทางบาดแผลที่ค่อนข้างใหญ่
“ด้วยอำนาจแห่งจ้าวอัคคี จงช่วยเผาผลาญศัตรูเบื้องหน้าของข้าไปให้สิ้น เฟโซฟาเรส !!” เสียงของลอสดังขึ้นพร้อมกับมนตราที่ถูกร่ายใส่งูยักษ์อย่างไม่ปราณี เปลวเพลิงเผาร่างของงูยักษ์จนไหม้เกรียมและเสียงของลาริมาร์ก็เอ่ยมนตราของเขาว่า
“ด้วยอำนาจแห่งผู้คุมมิติ จงช่วยพาศัตรูของข้าไปยังมิติอื่นเถิด วาร์ป” แสงสีขาวออกจากมือของลาริมาร์ส่งไปยังซากไหม้เกรียมของงู จนมันหายไปทีละน้อย
“มีพลังอย่างนี้ก็ไม่ใช้เสียก่อนเลยนะ ลาริมาร์ เล่นเอาเราเหนื่อยกันซะ” เธียสบ่นอย่างเสียดายพลางออกสีหน้าท่าทางอย่างชัดเจน ลาริมาร์จึงหันไปตอบอย่างง ๆ ว่า
“ถ้าข้าใช้ตอนท่านต่อสู้แล้วก็มีโอกาสที่ข้าเล็งพลาดไปโดนท่านก็ได้นะ ข้าจึงไม่ได้ใช้ อีกอย่างน่ะ เวทมนตร์วาร์ปเนี่ยมันจะมีข้อจำกัดอยู่ว่า สิ่งที่จะใช้วาร์ปนั้นต้องไม่สูงกว่าผู้ร่ายมนตร์ด้วย” ระหว่างนี้เฟย์ก็นำดาบมาเชื่อมกับพลองเหล็กกล้าของเขาพลางมองไปยังท้องฟ้าสีครึ้มเช่นเดียวกันกับคาร์เซส
“ฝนจะตกแล้ว…” คาร์เซสเอ่ยเรียบ ๆ เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยินเสียงของเขา มันเป็นเสียงที่เมื่อเอ่ยออกมาแล้วก็ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกน่าเกรงขามปนไปด้วยความรู้สึกเย็นชา เขาก้มลงไปเก็บมีดขึ้นมาใส่ด้านในเสื้อคลุมสีดำสนิทและไม่พูดอะไรต่ออีก
“งั้นเราต้องหาที่กำบังกันก่อนล่ะ” ลาริมาร์เสนอพลางหันซ้ายหันขวาเพื่อหาที่กำบัง ทว่าเด็กหนุ่มร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเขานั้นยังไม่ทำตามสิ่งที่เขากำลังเสนอ
“แล้วนาย…ลอสด้วย ไม่มีเวททำร่มกันฝนเหรอ ?” เธียสถามอย่างสงสัยพลางรู้สึกถึงหยดน้ำที่เริ่มร่วงลงมาใส่แขนที่มีกล้ามเป็นมัด ๆ ของเขา
“ไม่ใช้หรอก เพราะว่ามันทำให้เปลืองพลังเวทมหาศาล” ลอสตอบสั้น ๆ แล้วใช้คทาแหวกหญ้าสูงราวเข่าออกเพื่อเดินไปหาเฟย์ซึ่งไม่ได้พูดอะไรแต่กำลังเดินไปห่างไกลขึ้นทุกทีพลางถามว่า
“มีอะไร ?” เฟย์หยุดเดินเพื่อรอให้ลอสเดินตามมาทันแล้วค่อยเอ่ยเสียงเรียบว่า
“นายเห็นนั่นไหม ?” เด็กหนุ่มผมเขียวมองตามนิ้วมือเรียวยาวของเพื่อนสนิทเขม็ง อากาศที่เริ่มขมุกขมัวเนื่องจากฝนที่กำลังตกปอย ๆ อยู่ทำให้ลอสมองเห็นไม่ค่อยชัด แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็เห็นว่ามันมีสีออกน้ำตาลอ่อน และมีสีเทาปนสีเขียว ซึ่งตรงที่มีสีเทาเยอะ ๆ นั้นมีรูใหญ่เข้าไป ทำให้เขาเริ่มเดาออก
“ถ้ำหรือ ?” เฟย์พยักหน้า เธียสที่เดินมาใกล้นั้นเมื่อได้ยินก็ถามอย่างดีใจว่า
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ” จากนั้นร่างใหญ่ก็เดินย้ำหญ้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เห็นสิ่งที่อยู่บนพื้นแม้แต่น้อย ทำให้เด็กหนุ่มใต้ผ้าคลุมสีดำซึ่งเดินตามมานั้นอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนที่จะเตือนเบา ๆ ว่า
“ระวัง…” เธียสหยุดเดินพลางหันไปมองคาร์เซสด้วยความสงสัย ก่อนที่จะก้มลงมองพื้นและเบิกตาสีน้ำตาลกว้างด้วยความตกใจ เถาวัลย์เส้นหนาสีเขียวเข้มกลมกลืนไปกับพื้นหญ้านั้นมีหนามขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมา เมื่อสักครู่นี้ หากว่าคาร์เซสนั้นไม่เตือนละก็ เขาก็คงเหยียบเถาวัลย์เส้นนั้นไปแล้ว
“กัปดักน่ะ ระวังหน่อยก็แล้วกัน” เฟย์บอก “นั่นไงล่ะถ้ำ”
ถ้ำที่พวกเขามองเห็นนั้นกลับปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาวอ่อน ๆ ปนกับสายฝนที่เริ่มเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทั้งห้าคนนั้นรีบวิ่งเข้าไปในถ้ำทันทีโดยยังระมัดระวังตัวอยู่เหมือนเดิม ทว่าเมื่อพวกเขาเข้ามาในถ้ำกลับขมวดคิ้วเนื่องจากมีอะไรแปลกประหลาดอยู่ในนี้แต่บอกไม่ถูก
“พวกนายคิดว่าถ้ำนี้จะลึกไหม” ลาริมาร์ถามพลางสะบัดมือวูบ ปรากฏดวงไฟสีนวลเรือง ๆ ลอยอยู่บนมือข้างซ้ายของเขาซึ่งเป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในถ้ำถ้าไม่นับรวมแสงสว่างสีเขียวใบตองจากปลายคทาของลอสที่เพิ่งเสกดวงไฟขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้เช่นกัน
“ลึกสิ” เฟย์ตอบเรียบ ๆ แต่เมื่อฟังน้ำเสียงของเขาดี ๆ ก็รู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นกำลังรู้สึกกังวลอยู่ ร่างสูงชักดาบคู่ออกมาเพื่อป้องกันตัวจากอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้ในถ้ำแห่งนี้ ไม่ต่างจากคนอื่นที่นำอาวุธออกมาเช่นกัน “และข้าก็คิดว่ามันน่าจะมีอะไรบางอย่าง… ที่ลึกลับอยู่ในถ้ำแห่งนี้ซึ่งข้าคิดว่ามันน่าจะอันตรายไม่น้อยเลยล่ะ ไม่เช่นนั้นก็คงปรากฏตัวออกมาแล้ว”
“หึหึหึ เจ้าคิดถูกแล้วล่ะหนุ่มน้อย เอาล่ะการต่อสู้เริ่มต้นขึ้นแล้ว !!”

มหาสงครามวิหคเพลิงตะวัน

บทที่2
แบบทดสอบแห่งศาสตรา

เฟย์ราเซสลุกขึ้นนั่งบนที่นอนซึ่งเป็นผ้านวมปูพื้นไม้ในยามเช้าตรู่ เขาดูงัวเงียเล็กน้อย ร่างสูงขยี้ตาพลางหาวออกมาหวอดใหญ่แล้วเหยียดแขนไปหยิบเสื้อผ้าชุดประจำมาเปลี่ยนและนำชุดนอนและที่นอนไปเก็บในตู้ไม้พร้อมหยิบอาวุธทั้งหลายกับอาหารเช้าออกมาก่อนที่จะไปเดินเล่นในหมู่บ้านและเลยไปลานกว้างกลางหมู่บ้านเลย แต่เสียงหนึ่งขัดเขาไว้ก่อน
“อ้าวเฟย์ นายจะไปไหนเหรอ ?” คำถามจากเสียงระรื่นหูดังขึ้นจากลอสเพื่อนสนิทของเขาซึ่งทำหน้าชวนหมั่นไส้ เขากำลังยืนถือคทาสีทองประดับอัญมณีสีเดียวกับเรือนผมของเจ้าของ ดวงหน้าสีอ่อนนั้นยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีเช่นเคยแต่ทว่าอารมณ์ของเขานั้นแตกต่างจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าโดยสิ้นเชิง เฟย์ราเซสมีแววตาหงุดหงิดพลางตอบคำถามของเพื่อนรักอย่างบึ้งตึง
“ไปเดินเล่น” เขาตอบสั้น ๆ พลางเบี่ยงตัวออกไปแต่ผู้ที่ขวางทางอยู่นั้นกลับจับแขนของเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยจนร่างสูงต้องหยุดเดินพลางหันมามองอย่างไม่พอใจ
“แล้วไปไหนอีกหรือเปล่าล่ะ” ลอสซักไซ้ นัยน์ตาสีทองอร่ามทอประกายระริกด้วยความนึกสนุกที่ได้แกล้งเพื่อนกลับบ้าง เขาปิดประตูห้องของเฟย์ราเซสซึ่งกำลังมองเพื่อนของเขาอีกครั้งอย่างประเมินสายตานิด ๆ หน่อย ๆ แวบหนึ่งแล้วระบายอารมณ์ออกมาทันที
“เมื่อวานนี้นายไปไหนน่ะ นายหลอกฉันใช่ไหมที่ให้ไปถามหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อที่จะให้เข้าสอบเป็นเพื่อนนายโดยที่ฉันไม่ได้สมัครใจเลย”
“ใจเย็น ๆ น่าเฟย์ราเซส ฉันหลอกนายที่ไหน แล้วนายน่ะ ไม่ได้ดูให้ชัดเจนหรอกเหรอว่ามันเป็นอย่างไร ที่ฉันให้ไปดู เอ่อ… ความจริงนายก็พูดถูกส่วนหนึ่งล่ะ ที่ฉันอยากให้นายไปสอบด้วยแต่ว่าฉันก็แค่ชวนไปเฉย ๆ นี่นา” ลอสอธิบายเรียบ ๆ และยังคงรอยยิ้มสดใสไว้อยู่เช่นเดิมแม้จะจืดจางไปหน่อยก็ตาม
“งั้นวันนี้ตอนสอบเสร็จแล้วนายต้องเลี้ยงข้าวเที่ยงฉันด้วย โทษฐานที่ไม่บอกรายละเอียด” เฟย์รวบรัดดื้อ ๆ โดยไม่สนใจจำเลยที่ทำหน้าเหลอหลาอยู่แล้วเขาก็เดินออกไปจากบ้านไปอย่างรวดเร็วและไม่ทันสังเกตว่าพ่อของเขา…เฟย์ซาเรสกำลังโบกมือเป็นกำลังใจให้หน้าบ้าน
“อ้าวเฟย์ รอด้วยสิ”



ณ ลานกว้างใจกลางหมู่บ้านมีผู้คนอยู่น้อยมากเพราะเมื่อชายในชุดคลุมสองคนหรือผู้คุมการทดสอบนั้นได้ไปกล่าวอะไรกับพวกเขาเล็กน้อยแล้ว ผู้เข้าร่วมการทดสอบก็จะเดินเข้าบานประตูขนาดใหญ่ตรงกลางลานกว้างที่เพิ่งมาตั้ง
เมื่อเฟย์และลอสไปถึงลานกว้างใจกลางหมู่บ้าน ก็เจอกับผู้คุมการทดสอบซึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำที่เดินผ่านมาพอดี ผู้คุมการทดสอบนั้นเป็นชายร่างสูงซึ่งมีผมสีดำสนิทดั่งรัตติกาลยาวเลยไหล่อันสง่าผ่าเผยของเขาเล็กน้อย พอเขาเห็นทั้งคู่ก็ถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“พวกเจ้าเป็นผู้สมัครสอบเข้าเป็นนักรบเวทใช่หรือไม่”
พอเมื่อผู้คุมการทดสอบเห็นทั้งคู่พยักหน้าจึงถามต่อไปว่า
“ชื่ออะไรกันบ้างล่ะ” นัยน์ตาสีเดียวกันกับเรือนผมของผู้คุมสอบจ้องคนตรงหน้าราวกับว่าเห็นทุกอย่างภายในร่างกาย มันแหลมคมมากจนทำให้เด็กทั้งคู่คิดว่า ถ้าเปลี่ยนมันเป็นดาบเล่มหนึ่ง ก็คงแทงพวกเขาตายแล้ว
บางทีเขาคงต้องการตรวจสอบอะไรเรามั้ง เฟย์คิดในใจ ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วเขาก็แนะนำตัวเองก่อนว่า
“ผมชื่อ เฟย์ราเซส เดมิเนอร์ครับ” ผู้คุมการทดสอบส่งเสียงตอบรับเบา ๆ พลางเขียนอะไรบางอย่างบนมือสีอ่อนเรียวยาวของเขาแล้วยื่นบัตรรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำแข็ง ๆ ให้เฟย์ซึ่งสังเกตว่ามันเขียนชื่อของเขาไว้ด้านซ้าย ส่วนด้านขวานั้นว่างเปล่า เขาจึงเก็บมันลงกระเป๋า แล้วชายในผ้าคลุมสีดำสนิทพลางถามลอสต่อว่า
“แล้วเจ้าล่ะ...” เด็กหนุ่มผมสีเขียวยิ้มบาง ๆ ให้ผู้คุมการทดสอบซึ่งทำให้เฟย์รู้สึกว่าลอสกำลังโปรยเสน่ห์อยู่ยังไงชอบกล อาจจะเป็นเพราะว่าลอสยิ้มสวยกระมัง และลอสตอบว่า
“ผมชื่อเลโรลอส เซฟินาร์ครับ” ชายหนุ่มผมดำยื่นบัตรแบบเดียวกันให้กับลอสและพูดต่อว่า
“เดี๋ยวพวกเจ้าเดินไปเข้าประตูบานใหญ่ ๆ แล้วที่นั่นน่ะ พวกเจ้าจะพบกับบททดสอบคัดเลือกนักรบเวทป้องกันหมู่บ้านของเราของหัวหน้าหมู่บ้านเอง ขอให้โชคดีนะ เฟย์ราเซส เลโรลอส” ผู้คุมการทดสอบอธิบาย ระหว่างนั้นลมก็พัดมาเผยให้เห็นหน้าตาอันคมคายหล่อเหลาของเขาเป็นที่สะดุดตาของผู้มาใหม่ทั้งหลาย
ประตูบานใหญ่ที่ผู้คุมการทดสอบชี้ให้ดูนั้นมีกรอบรอบประตูสีเงินเป็นประกายสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องลงมา ส่วนบานประตูนั้นถูกแทนด้วยมวลอากาศสีฟ้าทำให้ดูคล้ายประตูมิติ เฟย์และลอสเดินเข้าไปแล้วก็พบว่ามีแสงสีฟ้าสว่างวาบขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ไม่เห็นประตูมิตินั้นอีก



แสงจันทร์สีนวลตาที่ส่องมายังดวงหน้าสีอ่อนของเฟย์ทำให้เขาลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ รอบกายเขานี้เป็นป่ารกชัฏซึ่งหญ้าสีเข้มซึ่งสูงเลยเข่าทำให้เคลื่อนไหวลำบากแน่ ๆ ร่างสูงลุกขึ้นอย่างช้า ๆ พลางหยิบพลองเหล็กกล้าและดาบคู่เอามาต่อกันเป็นง้าวเพื่อป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายที่อาจจะอยู่แถวนี้
“โฮก !!” เสียงสัตว์ร้ายดังขึ้นในทันที จากเงาที่ทาบทับบนพื้นหญ้านั้นทำให้เฟย์คาดเดาว่ามันคือหมูป่าตัวใหญ่ซึ่งมาเพียงหนึ่งตัว เขายื่นง้าวออกมาเล็กน้อยเพื่อเตรียมรับมือ
หมูป่าพุ่งตัวมาทันทีที่เห็นความเคลื่อนไหว ร่างสูงเบี่ยงตัวหลบพลางตวัดง้าวลงไปที่ตัวหมูป่าทำให้เกิดบาดแผลเล็กน้อยเพราะหมูป่าถอยออกไปจากรัศมีง้าว เมื่อเห็นว่าเฟย์รั้งง้าวกลับแล้ว มันก็กระโจนใส่เขาทันที ร่างสูงไม่สนใจมันแล้วใช้ง้าวแทงไปยังหน้าอกของหมูป่าซึ่งเป็นจุดอ่อนที่เผยอยู่นั่นเอง !!
หมูป่าตัวนั้นร่วงผล็อยลงบนพื้นทันที แต่ทว่ากลิ่นคาวเลือดนั้นกลับเรียกสัตว์ร้ายชนิดอื่นให้มาหา และความโชคร้ายของเฟย์ก็บังเกิดขึ้น…
“บรูวว์” เสียงหมาป่าหอนในยามค่ำคืนดังขึ้น จากเสียงวิ่งตะบึงของพวกมันนั้นก็สามารถคาดเดาว่าพวกมันมีหลายสิบตัว อย่างไรก็ตามมันก็ไม่น่ากลัวกว่าตัวที่เดินนำหน้ามา
มนุษย์หมาป่า !!
ชายร่างสูงทรงพลังสวมชุดขาดรุ่งหริ่ง นัยน์ตาสีดำฉายแววเจ้าเล่ห์ เขายกมือซึ่งมีกรงเล็บอันคมกริบขึ้นมาแล้วพุ่งตัวเข้าหาเฟย์ทันที เด็กหนุ่มกระโดดหลบ แล้วแทงกลับด้วยง้าว มนุษย์หมาป่าตีลังกาหลบไป เปิดทางให้หมาป่าที่รออยู่ข้างหลังพุ่งเข้าโจมตีในทันที
เขาตวัดง้าวโจมตีหมาป่าที่ดาหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วมนุษย์หมาป่าที่ถอยไปเมื่อสักครู่นี้ก็มาลอบโจมตีข้างหลังแต่เฟย์หันกลับไปก่อนแล้วแทงง้าวอย่างรวดเร็วจนเกิดบาดแผลทั้งสองฝ่าย เขาโจมตีต่ออย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจหมาป่าที่ทั้งกัดทั้งข่วนอยู่ข้างหลังเลย ร่างสูงใช้เล็บข่วนมาอย่างรวดเร็วซึ่งเฟย์หลบมาได้อย่างเฉียดฉิว เด็กหนุ่มรีบถอดดาบเล่มหนึ่งออกมาจากพลองแล้วนำมาฟันมนุษย์หมาป่าซึ่งรับบาดแผลนั้นไปเต็ม ๆ จนในที่สุดก็ตวัดดาบสังหารมนุษย์หมาป่าได้จึงหันกลับไปต่อสู้กับหมาป่าโดยท่องคาถาแห่งไฟ ทำให้ขนของหมาป่านั้นติดไฟกันไปถ้วน แต่หมาป่าตัวหนึ่งที่สามารถรอดมนตราก็เข้ามากัดเฟย์อย่างรวดเร็ว ทว่าแสงสีฟ้าอ่อน ๆ เหมือนตอนเข้ามาในตอนแรกก็เข้ามาปกคลุมเขาก่อนที่จะได้ยินเสียง ๆ หนึ่ง
“ขณะนี้เวลาหมดแล้ว เฟราเซส เดมิเนอร์สามารถฆ่าสัตว์ได้ทั้งหมด 39 ตัว ยินดีด้วย เจ้าผ่านการทดสอบ อีกสองวันข้างหน้ากรุณามารวมพลที่ลานกว้างใจการหมู่บ้านเวลาสิบโมงพร้อมสัมพาระเตรียมเดินทาง”



“ด้วยพันธะแห่งจ้าวอัคคี จงส่งพลังมาให้ข้าเพื่อปราบศัตรูของข้าด้วยเถิด” ลอสมองหมาป่าที่วิ่งมาอย่างเยือกเย็นพลางร่ายเวทมนตร์ใส่ ระหว่างนั้นหูของเขายาวขึ้นจนกลายเป็นแหลม มือที่ถือคทาอยู่ขยับไปมาตามวีธิร่ายเวทอย่างชำนาญ ไม่ช้าเวทมนตร์ของเขาก็ปรากฏ…หมาป่าทุกตัวที่ติดไฟจนไหม้เกรียมหลายสิบตัวภายในเวลาไม่กี่นาที
“อ๊ะ ยังเหลืออีกตัวนี่นา” ลอสอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นมนุษย์หมาป่ายังยืนหยัดอยู่ได้พลางคิดในใจว่า ช่วยไม่ได้แล้วล่ะสิ เขาจึงร่ายเวทต่อว่า “ด้วยอำนาจมนตราแห่งเหล่าภูตแห่งพฤกษาทั้งมวล จงลบคำสัญญาแห่งการพรางกายของข้าใน ณ บัดนี้”
…………
…………
“ขณะนี้เวลาหมดแล้ว เลโรลอส เซฟินาร์สามารถฆ่าสัตว์ได้ทั้งหมด 39 ตัว ยินดีด้วย เจ้าผ่านการทดสอบ อีกสองวันข้างหน้ากรุณามารวมพลที่ลานกว้างใจกลางหมู่บ้านเวลาสิบโมงพร้อมสัมพาระเตรียมเดินทาง”

มหาสงครามวิหคเพลิงตะวัน

บทที่ 1
สมัครสอบ

สายลมเย็นสบายปะทะเข้ากับใบหน้าสีอ่อนของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีส้มอมน้ำตาลยาวประบ่า ซึ่งในตอนนี้มันกำลังพลิ้วไสวไปตามสายลมเอื่อยเฉื่อยราวกับผ้าทอผืนบาง นัยน์ตายาวเรียวสีแดงอมส้มของเขาทอประกายแวววาวร่าเริงดั่งเช่นคนรักสนุก เข้ากับร่างกายสูงเพรียวแต่แข็งแรงสีอ่อนหยาบกร้าน ตัดกับเสื้อนอกสีน้ำตาลแขนกุดซึ่งผลิตมาจากหนังสัตว์ซึ่งสวมทับเสื้อคอกลมสีส้มของเขาอีกชั้นหนึ่ง เด็กหนุ่มยื่นแขนเรียวยาวออกมาจากแขนเสื้อเพื่อเช็ดดาบสีเงินเป็นประกายเล่มใหญ่บนตักอยู่อย่างทะนุทนอม พลางสอดส่องสายตาไปรอบ ๆ ตัว“นายอยากมีอาชีพอะไรในอนาคต” เสียงเอ่ยถามดังขึ้นจากปากของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเขียวใบตองยาวสลวยจรดเอวบางจนดูคล้ายอิสตรี ร่างบางที่สวมเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์นั้นกำลังนั่งห้อยขาบนกิ่งไม้ของต้นไม้สูงชะลูดอยู่ข้างกายเด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมสีส้ม เขากำลังก้มลงอ่านหนังสือเล่มหนาราวหลายร้อยหน้าซึ่งขนขึ้นมาบนต้นไม้อย่างทุลักทุเล แต่ผลประโยชน์ที่ได้ก็คือการได้อ่านหนังสือบนต้นไม้ที่ร่มรื่นมีบรรยากาศดีก็รู้สึกว่าอ่านได้เร็วขึ้นมาก "อืมม์… ก็อาจจะเป็น นักรบมั้ง แล้วนายล่ะ” เจ้าของเสียงนี้ก็คือเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีส้มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เด็กหนุ่มผมสีเขียวนั่นเอง มือหยาบกร้านสีอ่อนที่เช็ดดาบเล่มใหญ่บนตักด้วยผ้านั้นหยุดชะงัก แล้วเจ้าของของมือนั้นก็เปลี่ยนท่านั่งไปเป็นนั่งไขว้ห้างพลางหันหน้ามาทางผู้ที่ถาม ทำให้กิ่งไม้ที่เขานั่งอยู่ไหวน้อย ๆ จอมมเวทน่ะ แต่จะว่าไปนะ เดี๋ยวนี้ข้าเห็นประกาศที่หมู่บ้านรับสมัครนักรบเวทฝึกหัดเพื่อป้องกันพันธมิตรดาเรนเซียร์ด้วยนะ” เด็กหนุ่มผมสีเขียวตอบเสียงระรื่น ริมฝีปากเรียวบางสีแดงอ่อนกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นเพื่อนสนิททำท่าสนใจ แล้วเขาก็ค่อยเสริมต่ออีกว่า “นักรบกับจอมเวท รวมกันเป็นนักรบเวทได้พอดี สนใจที่จะไปสมัครไหมล่ะ” “ก็สนใจอยู่อ่านะ แต่ว่าพันธมิตรอะไรนั่นมันคืออะไรกันเนี่ย ข้าไม่เห็นเคยได้ยินเลย” เด็กหนุ่มตอบ ดวงตาสีแดงอมส้มเริ่มทอประกายแววสนใจ แต่ว่าเพื่อนของเขากลับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจในการไม่ติดตามข่าวบ้านข่าวเมืองของเพื่อนกันบ้างเลย“นายไม่เคยได้ยินรึไง ขนาดฉันที่เพิ่งย้ายมาใหม่ยังรู้เรื่องเลยนะ แต่นายน่ะอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่รุ่นทวดแล้วใช่ไหม ถ้าฉันจำไม่ผิดนะ ทวดนายเฟย์คาเอล ปู่นายเฟย์โรซัส พ่อนายเฟย์ซาเรส ส่วนนายน่ะ เฟย์ราเซส ฉันนี่อยากตบหัวนายจริง ๆ ” เด็กหนุ่มผมสีเขียวร่ายพลางนับนิ้ว ทำให้เจ้าของนามเฟย์ราเซสเริ่มหมั่นไส้คนตรงหน้าขึ้นมาตระหงิด ๆ “ก็ตบสิ” เฟย์ราเซสแหย่อย่างอารมณ์ดี แต่ว่าเพื่อนของเขากลับตอบอย่างกวนประสาทยิ่งกว่าว่า “ไม่เอาล่ะ ถ้าฉันตบหัวนาย นายก็จะตกต้นไม้ต้นนี้แล้วก็จะร้องไห้แง ๆ ไปฟ้องแม่น่ะสิ” เฟย์ราเซสมีสีหน้าเริ่มบึ้งตึงมากขึ้นเพราะหัวข้อสนทนาในตอนนี้นั้นไม่เป็นดั่งคิดไว้ แต่เขาก็ยังถามเพื่อนตรงหน้าต่อพลางเอาดาบที่อยู่บนตักเก็บเข้าฝักระหว่างนั้นมันก็ทำให้นกตัวหนึ่งที่อยู่แถวนั้นบินหนีไปด้วยความหวาดกลัวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วยล่ะ ถ้าฉันจะไปฟ้องแม่” เด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลอมส้มถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่บอกก็รู้ว่าคนที่พูดนั้นกำลังอารมณ์บูด ระหว่างนั้นเพื่อนของเขาก็ยิ้มกว้างขึ้นแล้วเปลี่ยนท่าไปเป็นนั่งไขว้ห้างเช่นกันพลางเงยหน้าตาที่ดูระรื่นขึ้นมาเพื่อมองเพื่อนสนิทตรง ๆ
“ก็เผื่อนายแอบชอบใครอยู่ ถ้านายวิ่งไปในหมู่บ้านตอนร้องไห้แบบนั้นน่ะ เดี๋ยวเธอจะหมดรักในความเท่ของนายนะ” เด็กหนุ่มผมสีเขียวยิ้มบาง ๆ เรื่องฝีปากนี่เขาย่อมมาก่อนเสมอ ยังไม่เคยมีใครประลองฝีปากกับเขาจนชนะได้เลย แม้แต่ครอบครัวของเขาก็ตาม
“ฉันเคยชอบใคร… ที่ไหนเหรอ” เฟย์ราเซสชี้หน้าตนเองแล้วทำหน้าเหลอหลา นัยน์ตาสีแดงอมส้มทอประกายระริกด้วยความขบขัน “บางทีน่ะนะ นายอาจจะมีเธอในดวงใจแล้วก็เลยกลัวว่าถ้าฉันร้องไห้ไปฟ้องแม่เนี่ย เธอก็อาจจะได้ยินข่าวที่นายรังแกฉันแล้วก็จะคิดว่านายเป็นอันธพาลน่ะสิ”
“นาย…นาย” เด็กหนุ่มผมเขียวเกิดอาการติดอ่างเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะโต้กลับว่า “อ๋อ เจ้าเฟย์ ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมนายถึงเถียงกับฉัน เพราะนายอยากปกปิดความจริงที่นายแอบชอบใครอยู่น่ะสิ ใช่ไหม”
เฟย์ราเซสนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อสงบสติอารมณ์แล้วค่อยปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังเพื่อถามต่อไป
“อย่าเพิ่งนอกเรื่อง บอกฉันมานะว่าพันธมิตรนั่นคืออะไร” เขาถามด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์แต่มันแฝงด้วยการขู่นิด ๆ แล้วเจ้าของเสียงนั้นก็ขยับกายด้วยความเมื่อยทำให้ใบไม้เหี่ยวแห้งสีน้ำตาลสองสามใบร่วงลงไปบนพื้นหญ้าด้านล่าง ส่งเสียงกรอบแกรบดังขึ้นมา
“พันธมิตรดาเรนเซียร์ก็มีหมู่บ้านเรา หมู่บ้านเฮรันแล้วก็หมู่บ้านโซริคเป็นสมาชิก” เด็กหนุ่มผมสีเขียวตอบสั้น ๆ พลางยิ้มแย้มอย่างสดใสจนทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เริ่มคิดว่า
หมอนี่พอยิ้มก็สวยคล้ายพวกผู้หญิงเลยแฮะ แต่ถ้ามันเป็นผู้หญิงจริง ๆ ล่ะนะเราก็จะเอามันมาเป็น… ของเรานั่นซะเลย ฮึฮึ
เฟย์ราเซสยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่ก็ฉุกใจคิดได้ว่ามีเรื่องจะถามต่อไป
“แล้วนายเห็นประกาศนั่นที่ไหนน่ะ เดี๋ยวฉันจะไปดูซะหน่อย”
“บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านน่ะ เอางี้เดี๋ยวฉันจะนำทางไปให้เอง” เด็กหนุ่มผมสีเขียวตอบและปิดหนังสือเล่มใหญ่เสียงดังพลางปีนต้นไม้ลงมาอย่างทุลักทุเลนิดหน่อย ส่วนเฟย์ซาเรสก็เอ่ยว่า
“ด้วยพลังแห่งวาโย จงพัดพาข้าไปสู่จุดหมาย” สายลมสีขาวพัดเขาให้ลอยขึ้นและลงต้นไม้ตามทิศทางที่ผู้ร่ายเวทชี้มาอย่างรวดเร็ว เขาเก็บดาบเข้าฝักพลางลูบผมสีส้มให้เรียบร้อย แล้วเปรยว่า
“แปลกเนาะ ไม่รู้ทำไมคนที่อยากเป็นจอมเวทเนี่ย ไม่ยอมใช้เวทเลย” เด็กหนุ่มผมเขียวกระโดดลงมาทันทีเมื่อได้ยินคำเปรยของเฟย์ซาเรสจากนั้นเขาก็วิ่งหายไปในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
“ชิ ล้อหน่อยเดียวก็วิ่งไปเลย” เฟย์ซาเรสบ่นเบา ๆ พลางเดินเข้าไปยังหมู่บ้าน “แต่จะว่าไปเราก็ไม่ค่อยเห็นมันใช้เวทเลยนะ นอกจากว่ามันจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น”
นอกหมู่บ้านนี้เป็นป่าที่แม้พอมีแสงแดดส่องเข้ามาอยู่บ้าง แต่ก็มีมอสขึ้นอยู่ปนกับหญ้าเช่นกัน หญ้าที่ขึ้นที่นี่นั้นเป็นหญ้าสีเขียวใบเรียวปลายแหลมขึ้นอยู่บนพื้นดินเกือบทุกตารางนิ้วยกเว้นตรงทางเดินที่มีคนเหยียบย่ำมากจนไม่สามารถขึ้นได้
หมู่บ้านของเฟย์ราเซสนั้นล้อมรอบด้วยกำแพงไม้ปลายแหลมสูงตระหง่านและมียามเฝ้าประตูเนื่องด้วยที่นี่เป็นหมู่บ้านที่ไม่ได้อยู่ภายใต้อาณาจักรใด ๆ ทำให้พวกเขาต้องดูแลตนเองเป็นอย่างมากแต่ก็เป็นการฝึกให้ชาวหมู่บ้านนี้มีความชำนาญในการทำอะไรเองไม่ต้องพึ่งคนอื่น
ร้านที่อยู่ติดกับกำแพงเมืองนั้นคือโรงเตี๊ยมซึ่งปกติจะมีผู้คนคึกคัก แต่เนื่องด้วยเศรษฐกิจและสถานการณ์ไม่อำนวย ก็ทำให้ผู้ที่เข้ามาอยู่ในโรงเตี๊ยมนี้น้อยลงมาก ร้านที่ติดกันก็คือร้านขายอาวุธที่มีอาวุธมากมายเรียงขายอยู่ เจ้าของร้านนี้คือชายผู้มีลักษณะที่แปลกจากคนอื่นคืออ้วนและเตี้ยทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ขายอาวุธ ต่อมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านของผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้
เฟย์ราเซสเร่งฝีเท้าขึ้นและเลิกมองหาเพื่อนของเขา ในตอนนี้เขาต้องไปดูประกาศให้เร็วที่สุดเพราะเวลานี้เป็นเวลาประมาณสามโมงแล้ว ในหมู่บ้านนี้ถ้าอยู่ข้างนอกบ้านหลังหกโมงก็อาจจะโดนสัตว์ประหลาดคาบไปกินหรือให้เขาเป็นอาหารให้ลูก ๆ ของมันก็ได้
บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเป็นบ้านไม้สีน้ำตาลแดงก่อเป็นรูปพีระมิดขนาดใหญ่ดูโอ่อ่า ประตูทางเข้าเจาะเป็นรูปสามเหลี่ยมคลุมด้วยผ้าสีแดงสดผ่ากลางซึ่งเขียนด้วยหมึกสีดำคล้ายเป็นยันต์ ด้านหลังบ้านหลังนี้มีผู้คนยืนมุงกันอยู่ราวเกือบยี่สิบคน เฟย์ราเซสจึงเดินไปดูบ้าง

ประกาศ
จากหัวหน้าหมู่บ้านทั้งสาม

ในขณะนี้หกอาณาจักรใหญ่เริ่มทำสงครามกันเองแล้วเพื่อแย่งชิงศาสตราแห่งอัคคีรวมถึงมีอสูรเริ่มออกมาจากประตูมิติอสูรกาย อาจจะก่อให้เกิดลูกหลงมายังหมู่บ้านในพันธมิตรของเรา ดังนั้นพวกเราจึงขอเปิดรับสมัครนักรบเวทรุ่นเยาว์ที่จะทำหน้าที่ป้องกันหมู่บ้าน รายละเอียดถามได้ที่ผู้ใหญ่บ้านทั้งสาม (ส่วนที่เหลือมองไม่เห็น)


“เออ ผู้ใหญ่บ้านฮะ ไม่ทราบว่าเรื่องประกาศนั่นมีรายละเอียดยังไงหรือฮะ” เฟย์ซาเรสถามเมื่อเจอผู้ใหญ่บ้าน … ชายชราเครายาวสีขาวแสนอารมณ์ดีที่เด็ก ๆ ทุกคนในหมู่บ้านนี้รัก เขามีท่าทางคล้ายหลวงจีนแก่ ๆ ถือไม้เท้าเดินออกมาตรวจดูความเรียบร้อยของผู้คนที่มาดูประกาศ
“อ๋อ พวกเราก็เปิดรับคนอายุสิบสามปีถึงยี่สิบสามปีมาเข้าร่วม มีค่าจ้างให้ด้วย” ผู้ใหญ่บ้านตอบพลางยิ้มอย่างใจดี แอบขำเล็กน้อยเมื่อเด็กหนุ่มตาลุกวาวขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง
“แล้วจะสมัครยังไงล่ะครับ”
“อ้าวหนุ่มน้อย เจ้าไม่ได้อ่านหรือว่าถ้ามาถามข้าเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นการมาสมัครเลย ไม่สามารถสละสิทธิ์ได้ด้วยนะ ขอบอก” ชายชราตอบอย่างประหลาดใจ แต่ก็ยังพูดต่อไปว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะรวมพลกันที่ลานกว้างใจกลางหมู่บ้านของเราตอนเวลาแปดโมงนะ”
“ฮะ”
อ้าว ซวยแล้วสิเรา คนบังเป็นเหตุ นึกออกแล้วล่ะทำไมลอสถึงพูดเรื่องนี้ มันคงมาถามแบบเรานั่นแหละ แล้วที่เราทำก็เป็นในแผนการของมัน อ๊ากกกกกกก ลอสเดี๋ยวเราจะไปแก้แค้นนาย !!

Hi!



Hi!
Hi everyone! This is my new blog.

หุ้น

ทีดีอาร์ไอ ชี้ มาตรการกระตุ้น ศก.ชุด 2 ต้องสอดคล้องทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน และท้องถิ่น เพื่อให้สอดรับกับแผนหลัก เน้นศึกษาความเป็นไปได้ และการรับฟังการมีส่วนร่วม ห่วงแผนการจัดทำแหล่งเงินทุนและการลงทุน ที่มีระยะเวลาในการจัดทำเพียง 1 เดือน เพราะน้อยเกินไป โดยเฉพาะการลงทุนในเรื่องของแหล่งน้ำ เพราะที่ผ่านมาได้มีการลงทุนไปแล้ว เป็นแสนล้านบาท แต่ให้ผลตอบแทนการลงทุนต่ำ ส่วนแผนการกู้เงินเพิ่มเพื่อลงทุน ยังสามารถทำได้ ในช่วงที่กลไกระบบเศรษฐกิจไม่ทำงานเพราะผลกระทบจากภาวะวิกฤต นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวถึงการจัดทำแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ที่มีการลงทุน ในช่วงปี 2552 - 2555 โดยใช้เงินลงทุน 1.56 ล้านล้านบาทนั้น รัฐบาลจะต้องเป็นการประสานการลงทุนทุกส่วน ทั้งรัฐบาล ส่วนกลาง รัฐวิสาหกิจ และองค์กรส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่เป็นแผนหลัก และต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ ในการรับผลตอบแทน ทั้งนี้ มีความเป็นห่วงเรื่องแผนการจัดทำแหล่งเงินทุนและการลงทุน ที่มีระยะเวลาในการจัดทำเพียง 1 เดือน ซึ่งน้อยเกินไป โดยเฉพาะการลงทุนในเรื่องของแหล่งน้ำ เพราะที่ผ่านมาได้มีการลงทุนไปแล้ว เป็นแสนล้านบาท แต่ให้ผลตอบแทนการลงทุนต่ำ ดังนั้น รัฐบาลควรจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร เพื่อรับฟังความคิดเห็นนโยบายของภาครัฐจากประชาชนในชนบทและเพื่อเป็นการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ทั้งเป็นการตรวจสอบการประเมินผลการทำงานของภาครัฐด้วย ส่วนวินัยการเงินการคลังนั้น มองว่า ยังมีฐานะดี และการที่รัฐบาลจะกู้เงินเพิ่มในขณะนี้ ก็ถือว่ามีความเหมาะสมเพราะภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน อาจทำให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐ ลดต่ำลง 1.3 - 2.5 แสนล้านบาท รวมทั้งยังเสนอให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม บุคคลที่มีการเลี่ยงภาษี

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552

เครื่องบิน

"คุณครับ ผ...ผม...เห็น...เครื่องบินครับ" ผู้โดยสารกระซิบบอกแอร์โฮสเตสสาวด้วยน้ำเสียงหวาดวิตก แอร์โฮสเตสมองออกไปนอกหน้าต่าง "ไหนคะเครื่องบิน" แอร์โฮสเตสถาม ผู้โดยสารจึงชี้ให้แอร์โฮสเตสดูจุดสีดำเล็กๆบนท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไป "โน่นไงครับ เครื่องยนของเรามันบินไปโน่นแล้วครับ"