Powered By Blogger

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552

มหาสงครามวิหคเพลิงตะวัน

บทที่ 3

รับภารกิจ

“เอาล่ะ ยินดีต้อนรับนักรบฝึกหัดผู้ป้องกันหมู่บ้านของพวกเราทั้งหลาย พวกเจ้าคงรู้แล้วสินะว่าวันนี้เราจะมาปฐมนิเทศก่อนจะรับภารกิจพร้อมกันทั้งสามหมู่บ้าน เอาล่ะ อย่างแรกข้าคือโซเรส ราวานิทัส ผู้ให้ภารกิจและหน้าที่ของพวกเจ้า ข้าจะอยู่ที่หมู่บ้านเฮรันและเมื่อเสร็จภารกิจแล้วก็จงมาบอกข้าด้วย ส่วนคนข้าง ๆ ข้าคือเซเรส ราวานิทัสน้องของข้า เป็นผู้หาข่าวสารมาให้พวกเจ้ารวมถึงเมื่อเสร็จภารกิจต่าง ๆ แล้วเจ้าก็จะสามารถมารับค่าจ้างที่เขาได้และแน่นอนว่าเขาก็ย่อมอยู่ที่หมู่บ้านเฮรันเช่นเดียวกันกับข้า”
“ต่อมาวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งนักรบผู้ป้องกันหมู่บ้านของเรานั้น อย่างที่พวกเจ้ารู้ก็แล้วคือเพื่อป้องกันหมู่บ้านในพันธมิตรดาเรนเซียร์แล้วหาข่าวเพื่อป้องกันหมู่บ้านของตนเอง ง่าย ๆ ก็คือว่าเป็นนักรบรับจ้างทำตามภารกิจที่พันธมิตรดาเรนเซียร์มอบหมายนั่นเอง”
“สำหรับในตอนนี้ข้าจะแบ่งพวกเจ้าเป็นกลุ่มเพื่อแบ่งกันรับภารกิจ ข้าเขียนไว้แล้วนะ ถ้าข้าเรียกชื่อใครให้ไปนั่งตามที่ข้าชี้นะ เอาล่ะกลุ่มแรกมีซอโรส…”
“…สุดท้ายคือกลุ่มที่แปดมี เฟย์ราเซส เลโรลอส ธาร์นิเรียส ลาริมาร์ และคาร์เซส”
“และอีกอย่าง ภารกิจที่กลุ่มของพวกเจ้าต้องกระทำได้อยู่ในกระดาษที่เบื้องหน้าของพวกเจ้าแล้ว หวังว่าจะโชคดีนะ นักรบทุกท่าน” โซเรส เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทอธิบายอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหายวับไปเช่นเดียวกันกับเซเรสน้องชายของเขา เฟย์จึงหันมามองภารกิจซึ่งถูกเขียนไว้ในกระดาษสีขาวนวลลอยอยู่บนเบื้องหน้าเด็กหนุ่ม แต่ก่อนที่จะได้อ่านก็มีคนพูดขึ้นมาก่อน
“ภารกิจของพวกเราคือ สำรวจรอบ ๆ ป่านี้ว่ามีสัตว์ร้ายอยู่ในป่าเทอร์ควานนี้หรือไม่แล้วถ้ามีนะ ก็พยายามปราบมันซะ เอาล่ะเรามาแนะนำตัวกันก่อน ข้าชื่อธาร์นิเรียส โซมาเรียน เป็นมือขวานแห่งหมู่บ้านเฮรัน” ผู้พูดนั้นมีเรือนผมหยักเล็กน้อยสีทองอร่ามยาวประบ่า ดวงหน้าสีอ่อนหยาบกร้านแสดงถึงการฝึกและการต่อสู้มาอย่างหนักรับกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มทอประกายสดใส
“ข้าชื่อลาริมาร์ เธมิควาน เป็นนักบวชแห่งหมู่บ้านโซริค ส่วนคนข้าง ๆ นี่น้องชายต่างแม่ของข้า ชื่อคาร์เซส เธมิควาน เป็นนักฆ่าแห่งหมู่บ้านโซริค” ลาริมาร์นั้นมีผมสีฟ้าน้ำทะเลเหยียดตรงยาวเลยบ่าเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววรอบรู้ ส่วนคาร์เซสนั้นมีเส้นผมสีดำสนิทดั่งรัตติกาลเหยียดตรงยาวประบ่า นัยน์ตาสีเดียวกับเส้นผมดูลึกลับแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม
“ข้าชื่อเฟย์ราเซส เดมิเนอร์ เป็นมือดาบคู่แห่งหมู่บ้านรารัน” เฟย์แนะนำตัวเรียบ ๆ พลางคิดอย่างประหลาดใจในสิ่งที่เขามองเห็น
แปลกนะ มีนักบวชเป็นพี่น้องกับนักฆ่าซะด้วย สีผมก็แตกต่างกันมากเลย ก็ต่างแม่นี่เนาะ
“ส่วนข้าชื่อเลโรลอส เซฟินาร์ เป็นจอมเวทแห่งหมู่บ้านรารัน” ลอสเอ่ยพลางยิ้มให้เพื่อนใหม่เล็กน้อย “เดี๋ยวข้ากับเฟย์จะนำทางเข้าป่าให้เอง พวกเราเคยไปแถวเขตชายป่าบ่อย ๆ แต่ก็ยังไม่เคยเข้าไปข้างในหรอกนะ” ทั้งหมดลุกขึ้นยืนและเดินตามลอสกับเฟย์ออกไปนอกหมู่บ้านรารัน ระหว่างทางพวกเขาก็พูดคุยซักถามเกี่ยวกับที่มากันนิดหน่อย
เมื่อถึงชายป่าแล้วลอสก็ค่อยแนะนำเรื่องป่านี้เล็กน้อย
“ป่าเทอร์ควาน พวกนายเคยได้ยินไหมว่ามันเป็นป่าที่เปลือกนอกดูจะธรรมดา แต่เมื่อเข้าไปข้างในลึก ๆ แล้วก็จะมีสัตว์ร้ายอาศัยจำนวนมากดังนั้นภารกิจนี้ก็ถือว่ายากพอสมควร เธียส (ธาร์นิเรียส) เมื่อเสร็จแล้วเราจะได้ค่าตอบแทนภารกิจเท่าไหร่ ?” ประโยคสุดท้ายลอสหันไปถามธาร์นิเรียส ภายใต้เรือนผมสีทองนั้น นัยน์ตาน้ำตาลกำลังมองดูบนกระดาษ
“หนึ่งหมื่นเหรียญทอง” เธียสเอ่ยเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ แม้ว่าบางคนแอบสะดุ้งตกใจอยู่ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาโดยเฉพาะลอสที่มีสีหน้าที่เหมือนไม่ได้มีปฏิกิริยาจากคำพูดนั้นเลย
“นั่นก็ถือว่าเหมาะสมกว่าภารกิจอย่างดี” ลอสบอกเสียงเรียบ ดวงหน้าอันดูคลับคล้ายอิสตรีไม่เหลือรอยยิ้มอีกต่อไป “เอาล่ะ เตรียมอาวุธให้พร้อมแล้วเข้าไปในป่ากันเถอะ”
เฟย์หยิบพลองเหล็กกล้าออกมาแล้วใช้มันแหวกกอหญ้าสีเข้มซึ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามความลึกของป่า ส่วนอาวุธของคนอื่น ๆ นั้นก็มีขวานคู่ของเธียส คทายาวสีขาวประดับอัญมณีสีฟ้าของลาริมาร์ มีดราวร้อยกว่าเล่มของคาร์เซสและสุดท้ายคือคทาสีทองประดับอัญมณีสีเขียวใบตองของลอส
แสก ๆ เสียงฝ่าดงหญ้าของอะไรบางอย่างดังขึ้นด้านหน้าพวกเขา
“ชิ เจอแล้วหนึ่งตัว” เสียงของเธียสดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมบนใบหน้าของผู้พูด…
สัตว์ประหลาดตัวแรกที่พวกเขาเจอก็คืองูตัวใหญ่เกล็ดสีเขียวเนื้อสีขาวสูงเลยศีรษะของเธียสนิดหน่อย มันแลบลิ้นสีแดงปลายสองแฉกออกมาแล้วตวัดหางใส่คนแรกที่เห็นนั่นคือเฟย์ มือดาบคู่นั้นกระโดดขึ้นเพื่อหลบหางที่ตีมาทางพื้นหญ้า ฉับพลันเธียสกับคาร์เซสก็เข้าร่วมวงต่อสู้ด้วย
“ฟิ้ว” เสียงฝ่าอากาศเบา ๆ จากมีดสั้นที่ถูกซัดจากมือของคาร์เซสทว่ามันไปไม่ถึงเป้าหมายเพราะงูตัวใหญ่นั้นพลิกตัวให้ส่วนที่มีเกล็ดแข็ง ๆ นั้นมารับมีดสั้นและขวานด้านขวาที่เธียสฟันมาส่วนขวานด้านซ้ายนั้นไปฟันใส่เนื้อของงูจนมีบาดแผล เฟย์เห็นดังนั้นจึงกระโดดทับปลายหางของมันซึ่งทำให้เลือดสีแดงเข้มทะลักออกมาจากทางบาดแผลที่ค่อนข้างใหญ่
“ด้วยอำนาจแห่งจ้าวอัคคี จงช่วยเผาผลาญศัตรูเบื้องหน้าของข้าไปให้สิ้น เฟโซฟาเรส !!” เสียงของลอสดังขึ้นพร้อมกับมนตราที่ถูกร่ายใส่งูยักษ์อย่างไม่ปราณี เปลวเพลิงเผาร่างของงูยักษ์จนไหม้เกรียมและเสียงของลาริมาร์ก็เอ่ยมนตราของเขาว่า
“ด้วยอำนาจแห่งผู้คุมมิติ จงช่วยพาศัตรูของข้าไปยังมิติอื่นเถิด วาร์ป” แสงสีขาวออกจากมือของลาริมาร์ส่งไปยังซากไหม้เกรียมของงู จนมันหายไปทีละน้อย
“มีพลังอย่างนี้ก็ไม่ใช้เสียก่อนเลยนะ ลาริมาร์ เล่นเอาเราเหนื่อยกันซะ” เธียสบ่นอย่างเสียดายพลางออกสีหน้าท่าทางอย่างชัดเจน ลาริมาร์จึงหันไปตอบอย่างง ๆ ว่า
“ถ้าข้าใช้ตอนท่านต่อสู้แล้วก็มีโอกาสที่ข้าเล็งพลาดไปโดนท่านก็ได้นะ ข้าจึงไม่ได้ใช้ อีกอย่างน่ะ เวทมนตร์วาร์ปเนี่ยมันจะมีข้อจำกัดอยู่ว่า สิ่งที่จะใช้วาร์ปนั้นต้องไม่สูงกว่าผู้ร่ายมนตร์ด้วย” ระหว่างนี้เฟย์ก็นำดาบมาเชื่อมกับพลองเหล็กกล้าของเขาพลางมองไปยังท้องฟ้าสีครึ้มเช่นเดียวกันกับคาร์เซส
“ฝนจะตกแล้ว…” คาร์เซสเอ่ยเรียบ ๆ เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยินเสียงของเขา มันเป็นเสียงที่เมื่อเอ่ยออกมาแล้วก็ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกน่าเกรงขามปนไปด้วยความรู้สึกเย็นชา เขาก้มลงไปเก็บมีดขึ้นมาใส่ด้านในเสื้อคลุมสีดำสนิทและไม่พูดอะไรต่ออีก
“งั้นเราต้องหาที่กำบังกันก่อนล่ะ” ลาริมาร์เสนอพลางหันซ้ายหันขวาเพื่อหาที่กำบัง ทว่าเด็กหนุ่มร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเขานั้นยังไม่ทำตามสิ่งที่เขากำลังเสนอ
“แล้วนาย…ลอสด้วย ไม่มีเวททำร่มกันฝนเหรอ ?” เธียสถามอย่างสงสัยพลางรู้สึกถึงหยดน้ำที่เริ่มร่วงลงมาใส่แขนที่มีกล้ามเป็นมัด ๆ ของเขา
“ไม่ใช้หรอก เพราะว่ามันทำให้เปลืองพลังเวทมหาศาล” ลอสตอบสั้น ๆ แล้วใช้คทาแหวกหญ้าสูงราวเข่าออกเพื่อเดินไปหาเฟย์ซึ่งไม่ได้พูดอะไรแต่กำลังเดินไปห่างไกลขึ้นทุกทีพลางถามว่า
“มีอะไร ?” เฟย์หยุดเดินเพื่อรอให้ลอสเดินตามมาทันแล้วค่อยเอ่ยเสียงเรียบว่า
“นายเห็นนั่นไหม ?” เด็กหนุ่มผมเขียวมองตามนิ้วมือเรียวยาวของเพื่อนสนิทเขม็ง อากาศที่เริ่มขมุกขมัวเนื่องจากฝนที่กำลังตกปอย ๆ อยู่ทำให้ลอสมองเห็นไม่ค่อยชัด แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็เห็นว่ามันมีสีออกน้ำตาลอ่อน และมีสีเทาปนสีเขียว ซึ่งตรงที่มีสีเทาเยอะ ๆ นั้นมีรูใหญ่เข้าไป ทำให้เขาเริ่มเดาออก
“ถ้ำหรือ ?” เฟย์พยักหน้า เธียสที่เดินมาใกล้นั้นเมื่อได้ยินก็ถามอย่างดีใจว่า
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ” จากนั้นร่างใหญ่ก็เดินย้ำหญ้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เห็นสิ่งที่อยู่บนพื้นแม้แต่น้อย ทำให้เด็กหนุ่มใต้ผ้าคลุมสีดำซึ่งเดินตามมานั้นอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนที่จะเตือนเบา ๆ ว่า
“ระวัง…” เธียสหยุดเดินพลางหันไปมองคาร์เซสด้วยความสงสัย ก่อนที่จะก้มลงมองพื้นและเบิกตาสีน้ำตาลกว้างด้วยความตกใจ เถาวัลย์เส้นหนาสีเขียวเข้มกลมกลืนไปกับพื้นหญ้านั้นมีหนามขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมา เมื่อสักครู่นี้ หากว่าคาร์เซสนั้นไม่เตือนละก็ เขาก็คงเหยียบเถาวัลย์เส้นนั้นไปแล้ว
“กัปดักน่ะ ระวังหน่อยก็แล้วกัน” เฟย์บอก “นั่นไงล่ะถ้ำ”
ถ้ำที่พวกเขามองเห็นนั้นกลับปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาวอ่อน ๆ ปนกับสายฝนที่เริ่มเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทั้งห้าคนนั้นรีบวิ่งเข้าไปในถ้ำทันทีโดยยังระมัดระวังตัวอยู่เหมือนเดิม ทว่าเมื่อพวกเขาเข้ามาในถ้ำกลับขมวดคิ้วเนื่องจากมีอะไรแปลกประหลาดอยู่ในนี้แต่บอกไม่ถูก
“พวกนายคิดว่าถ้ำนี้จะลึกไหม” ลาริมาร์ถามพลางสะบัดมือวูบ ปรากฏดวงไฟสีนวลเรือง ๆ ลอยอยู่บนมือข้างซ้ายของเขาซึ่งเป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในถ้ำถ้าไม่นับรวมแสงสว่างสีเขียวใบตองจากปลายคทาของลอสที่เพิ่งเสกดวงไฟขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้เช่นกัน
“ลึกสิ” เฟย์ตอบเรียบ ๆ แต่เมื่อฟังน้ำเสียงของเขาดี ๆ ก็รู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นกำลังรู้สึกกังวลอยู่ ร่างสูงชักดาบคู่ออกมาเพื่อป้องกันตัวจากอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้ในถ้ำแห่งนี้ ไม่ต่างจากคนอื่นที่นำอาวุธออกมาเช่นกัน “และข้าก็คิดว่ามันน่าจะมีอะไรบางอย่าง… ที่ลึกลับอยู่ในถ้ำแห่งนี้ซึ่งข้าคิดว่ามันน่าจะอันตรายไม่น้อยเลยล่ะ ไม่เช่นนั้นก็คงปรากฏตัวออกมาแล้ว”
“หึหึหึ เจ้าคิดถูกแล้วล่ะหนุ่มน้อย เอาล่ะการต่อสู้เริ่มต้นขึ้นแล้ว !!”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น