Powered By Blogger

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552

มหาสงครามวิหคเพลิงตะวัน

บทที่2
แบบทดสอบแห่งศาสตรา

เฟย์ราเซสลุกขึ้นนั่งบนที่นอนซึ่งเป็นผ้านวมปูพื้นไม้ในยามเช้าตรู่ เขาดูงัวเงียเล็กน้อย ร่างสูงขยี้ตาพลางหาวออกมาหวอดใหญ่แล้วเหยียดแขนไปหยิบเสื้อผ้าชุดประจำมาเปลี่ยนและนำชุดนอนและที่นอนไปเก็บในตู้ไม้พร้อมหยิบอาวุธทั้งหลายกับอาหารเช้าออกมาก่อนที่จะไปเดินเล่นในหมู่บ้านและเลยไปลานกว้างกลางหมู่บ้านเลย แต่เสียงหนึ่งขัดเขาไว้ก่อน
“อ้าวเฟย์ นายจะไปไหนเหรอ ?” คำถามจากเสียงระรื่นหูดังขึ้นจากลอสเพื่อนสนิทของเขาซึ่งทำหน้าชวนหมั่นไส้ เขากำลังยืนถือคทาสีทองประดับอัญมณีสีเดียวกับเรือนผมของเจ้าของ ดวงหน้าสีอ่อนนั้นยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีเช่นเคยแต่ทว่าอารมณ์ของเขานั้นแตกต่างจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าโดยสิ้นเชิง เฟย์ราเซสมีแววตาหงุดหงิดพลางตอบคำถามของเพื่อนรักอย่างบึ้งตึง
“ไปเดินเล่น” เขาตอบสั้น ๆ พลางเบี่ยงตัวออกไปแต่ผู้ที่ขวางทางอยู่นั้นกลับจับแขนของเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยจนร่างสูงต้องหยุดเดินพลางหันมามองอย่างไม่พอใจ
“แล้วไปไหนอีกหรือเปล่าล่ะ” ลอสซักไซ้ นัยน์ตาสีทองอร่ามทอประกายระริกด้วยความนึกสนุกที่ได้แกล้งเพื่อนกลับบ้าง เขาปิดประตูห้องของเฟย์ราเซสซึ่งกำลังมองเพื่อนของเขาอีกครั้งอย่างประเมินสายตานิด ๆ หน่อย ๆ แวบหนึ่งแล้วระบายอารมณ์ออกมาทันที
“เมื่อวานนี้นายไปไหนน่ะ นายหลอกฉันใช่ไหมที่ให้ไปถามหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อที่จะให้เข้าสอบเป็นเพื่อนนายโดยที่ฉันไม่ได้สมัครใจเลย”
“ใจเย็น ๆ น่าเฟย์ราเซส ฉันหลอกนายที่ไหน แล้วนายน่ะ ไม่ได้ดูให้ชัดเจนหรอกเหรอว่ามันเป็นอย่างไร ที่ฉันให้ไปดู เอ่อ… ความจริงนายก็พูดถูกส่วนหนึ่งล่ะ ที่ฉันอยากให้นายไปสอบด้วยแต่ว่าฉันก็แค่ชวนไปเฉย ๆ นี่นา” ลอสอธิบายเรียบ ๆ และยังคงรอยยิ้มสดใสไว้อยู่เช่นเดิมแม้จะจืดจางไปหน่อยก็ตาม
“งั้นวันนี้ตอนสอบเสร็จแล้วนายต้องเลี้ยงข้าวเที่ยงฉันด้วย โทษฐานที่ไม่บอกรายละเอียด” เฟย์รวบรัดดื้อ ๆ โดยไม่สนใจจำเลยที่ทำหน้าเหลอหลาอยู่แล้วเขาก็เดินออกไปจากบ้านไปอย่างรวดเร็วและไม่ทันสังเกตว่าพ่อของเขา…เฟย์ซาเรสกำลังโบกมือเป็นกำลังใจให้หน้าบ้าน
“อ้าวเฟย์ รอด้วยสิ”



ณ ลานกว้างใจกลางหมู่บ้านมีผู้คนอยู่น้อยมากเพราะเมื่อชายในชุดคลุมสองคนหรือผู้คุมการทดสอบนั้นได้ไปกล่าวอะไรกับพวกเขาเล็กน้อยแล้ว ผู้เข้าร่วมการทดสอบก็จะเดินเข้าบานประตูขนาดใหญ่ตรงกลางลานกว้างที่เพิ่งมาตั้ง
เมื่อเฟย์และลอสไปถึงลานกว้างใจกลางหมู่บ้าน ก็เจอกับผู้คุมการทดสอบซึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำที่เดินผ่านมาพอดี ผู้คุมการทดสอบนั้นเป็นชายร่างสูงซึ่งมีผมสีดำสนิทดั่งรัตติกาลยาวเลยไหล่อันสง่าผ่าเผยของเขาเล็กน้อย พอเขาเห็นทั้งคู่ก็ถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“พวกเจ้าเป็นผู้สมัครสอบเข้าเป็นนักรบเวทใช่หรือไม่”
พอเมื่อผู้คุมการทดสอบเห็นทั้งคู่พยักหน้าจึงถามต่อไปว่า
“ชื่ออะไรกันบ้างล่ะ” นัยน์ตาสีเดียวกันกับเรือนผมของผู้คุมสอบจ้องคนตรงหน้าราวกับว่าเห็นทุกอย่างภายในร่างกาย มันแหลมคมมากจนทำให้เด็กทั้งคู่คิดว่า ถ้าเปลี่ยนมันเป็นดาบเล่มหนึ่ง ก็คงแทงพวกเขาตายแล้ว
บางทีเขาคงต้องการตรวจสอบอะไรเรามั้ง เฟย์คิดในใจ ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วเขาก็แนะนำตัวเองก่อนว่า
“ผมชื่อ เฟย์ราเซส เดมิเนอร์ครับ” ผู้คุมการทดสอบส่งเสียงตอบรับเบา ๆ พลางเขียนอะไรบางอย่างบนมือสีอ่อนเรียวยาวของเขาแล้วยื่นบัตรรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำแข็ง ๆ ให้เฟย์ซึ่งสังเกตว่ามันเขียนชื่อของเขาไว้ด้านซ้าย ส่วนด้านขวานั้นว่างเปล่า เขาจึงเก็บมันลงกระเป๋า แล้วชายในผ้าคลุมสีดำสนิทพลางถามลอสต่อว่า
“แล้วเจ้าล่ะ...” เด็กหนุ่มผมสีเขียวยิ้มบาง ๆ ให้ผู้คุมการทดสอบซึ่งทำให้เฟย์รู้สึกว่าลอสกำลังโปรยเสน่ห์อยู่ยังไงชอบกล อาจจะเป็นเพราะว่าลอสยิ้มสวยกระมัง และลอสตอบว่า
“ผมชื่อเลโรลอส เซฟินาร์ครับ” ชายหนุ่มผมดำยื่นบัตรแบบเดียวกันให้กับลอสและพูดต่อว่า
“เดี๋ยวพวกเจ้าเดินไปเข้าประตูบานใหญ่ ๆ แล้วที่นั่นน่ะ พวกเจ้าจะพบกับบททดสอบคัดเลือกนักรบเวทป้องกันหมู่บ้านของเราของหัวหน้าหมู่บ้านเอง ขอให้โชคดีนะ เฟย์ราเซส เลโรลอส” ผู้คุมการทดสอบอธิบาย ระหว่างนั้นลมก็พัดมาเผยให้เห็นหน้าตาอันคมคายหล่อเหลาของเขาเป็นที่สะดุดตาของผู้มาใหม่ทั้งหลาย
ประตูบานใหญ่ที่ผู้คุมการทดสอบชี้ให้ดูนั้นมีกรอบรอบประตูสีเงินเป็นประกายสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องลงมา ส่วนบานประตูนั้นถูกแทนด้วยมวลอากาศสีฟ้าทำให้ดูคล้ายประตูมิติ เฟย์และลอสเดินเข้าไปแล้วก็พบว่ามีแสงสีฟ้าสว่างวาบขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ไม่เห็นประตูมิตินั้นอีก



แสงจันทร์สีนวลตาที่ส่องมายังดวงหน้าสีอ่อนของเฟย์ทำให้เขาลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ รอบกายเขานี้เป็นป่ารกชัฏซึ่งหญ้าสีเข้มซึ่งสูงเลยเข่าทำให้เคลื่อนไหวลำบากแน่ ๆ ร่างสูงลุกขึ้นอย่างช้า ๆ พลางหยิบพลองเหล็กกล้าและดาบคู่เอามาต่อกันเป็นง้าวเพื่อป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายที่อาจจะอยู่แถวนี้
“โฮก !!” เสียงสัตว์ร้ายดังขึ้นในทันที จากเงาที่ทาบทับบนพื้นหญ้านั้นทำให้เฟย์คาดเดาว่ามันคือหมูป่าตัวใหญ่ซึ่งมาเพียงหนึ่งตัว เขายื่นง้าวออกมาเล็กน้อยเพื่อเตรียมรับมือ
หมูป่าพุ่งตัวมาทันทีที่เห็นความเคลื่อนไหว ร่างสูงเบี่ยงตัวหลบพลางตวัดง้าวลงไปที่ตัวหมูป่าทำให้เกิดบาดแผลเล็กน้อยเพราะหมูป่าถอยออกไปจากรัศมีง้าว เมื่อเห็นว่าเฟย์รั้งง้าวกลับแล้ว มันก็กระโจนใส่เขาทันที ร่างสูงไม่สนใจมันแล้วใช้ง้าวแทงไปยังหน้าอกของหมูป่าซึ่งเป็นจุดอ่อนที่เผยอยู่นั่นเอง !!
หมูป่าตัวนั้นร่วงผล็อยลงบนพื้นทันที แต่ทว่ากลิ่นคาวเลือดนั้นกลับเรียกสัตว์ร้ายชนิดอื่นให้มาหา และความโชคร้ายของเฟย์ก็บังเกิดขึ้น…
“บรูวว์” เสียงหมาป่าหอนในยามค่ำคืนดังขึ้น จากเสียงวิ่งตะบึงของพวกมันนั้นก็สามารถคาดเดาว่าพวกมันมีหลายสิบตัว อย่างไรก็ตามมันก็ไม่น่ากลัวกว่าตัวที่เดินนำหน้ามา
มนุษย์หมาป่า !!
ชายร่างสูงทรงพลังสวมชุดขาดรุ่งหริ่ง นัยน์ตาสีดำฉายแววเจ้าเล่ห์ เขายกมือซึ่งมีกรงเล็บอันคมกริบขึ้นมาแล้วพุ่งตัวเข้าหาเฟย์ทันที เด็กหนุ่มกระโดดหลบ แล้วแทงกลับด้วยง้าว มนุษย์หมาป่าตีลังกาหลบไป เปิดทางให้หมาป่าที่รออยู่ข้างหลังพุ่งเข้าโจมตีในทันที
เขาตวัดง้าวโจมตีหมาป่าที่ดาหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วมนุษย์หมาป่าที่ถอยไปเมื่อสักครู่นี้ก็มาลอบโจมตีข้างหลังแต่เฟย์หันกลับไปก่อนแล้วแทงง้าวอย่างรวดเร็วจนเกิดบาดแผลทั้งสองฝ่าย เขาโจมตีต่ออย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจหมาป่าที่ทั้งกัดทั้งข่วนอยู่ข้างหลังเลย ร่างสูงใช้เล็บข่วนมาอย่างรวดเร็วซึ่งเฟย์หลบมาได้อย่างเฉียดฉิว เด็กหนุ่มรีบถอดดาบเล่มหนึ่งออกมาจากพลองแล้วนำมาฟันมนุษย์หมาป่าซึ่งรับบาดแผลนั้นไปเต็ม ๆ จนในที่สุดก็ตวัดดาบสังหารมนุษย์หมาป่าได้จึงหันกลับไปต่อสู้กับหมาป่าโดยท่องคาถาแห่งไฟ ทำให้ขนของหมาป่านั้นติดไฟกันไปถ้วน แต่หมาป่าตัวหนึ่งที่สามารถรอดมนตราก็เข้ามากัดเฟย์อย่างรวดเร็ว ทว่าแสงสีฟ้าอ่อน ๆ เหมือนตอนเข้ามาในตอนแรกก็เข้ามาปกคลุมเขาก่อนที่จะได้ยินเสียง ๆ หนึ่ง
“ขณะนี้เวลาหมดแล้ว เฟราเซส เดมิเนอร์สามารถฆ่าสัตว์ได้ทั้งหมด 39 ตัว ยินดีด้วย เจ้าผ่านการทดสอบ อีกสองวันข้างหน้ากรุณามารวมพลที่ลานกว้างใจการหมู่บ้านเวลาสิบโมงพร้อมสัมพาระเตรียมเดินทาง”



“ด้วยพันธะแห่งจ้าวอัคคี จงส่งพลังมาให้ข้าเพื่อปราบศัตรูของข้าด้วยเถิด” ลอสมองหมาป่าที่วิ่งมาอย่างเยือกเย็นพลางร่ายเวทมนตร์ใส่ ระหว่างนั้นหูของเขายาวขึ้นจนกลายเป็นแหลม มือที่ถือคทาอยู่ขยับไปมาตามวีธิร่ายเวทอย่างชำนาญ ไม่ช้าเวทมนตร์ของเขาก็ปรากฏ…หมาป่าทุกตัวที่ติดไฟจนไหม้เกรียมหลายสิบตัวภายในเวลาไม่กี่นาที
“อ๊ะ ยังเหลืออีกตัวนี่นา” ลอสอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นมนุษย์หมาป่ายังยืนหยัดอยู่ได้พลางคิดในใจว่า ช่วยไม่ได้แล้วล่ะสิ เขาจึงร่ายเวทต่อว่า “ด้วยอำนาจมนตราแห่งเหล่าภูตแห่งพฤกษาทั้งมวล จงลบคำสัญญาแห่งการพรางกายของข้าใน ณ บัดนี้”
…………
…………
“ขณะนี้เวลาหมดแล้ว เลโรลอส เซฟินาร์สามารถฆ่าสัตว์ได้ทั้งหมด 39 ตัว ยินดีด้วย เจ้าผ่านการทดสอบ อีกสองวันข้างหน้ากรุณามารวมพลที่ลานกว้างใจกลางหมู่บ้านเวลาสิบโมงพร้อมสัมพาระเตรียมเดินทาง”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น