Powered By Blogger

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552

มหาสงครามวิหคเพลิงตะวัน

บทที่ 1
สมัครสอบ

สายลมเย็นสบายปะทะเข้ากับใบหน้าสีอ่อนของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีส้มอมน้ำตาลยาวประบ่า ซึ่งในตอนนี้มันกำลังพลิ้วไสวไปตามสายลมเอื่อยเฉื่อยราวกับผ้าทอผืนบาง นัยน์ตายาวเรียวสีแดงอมส้มของเขาทอประกายแวววาวร่าเริงดั่งเช่นคนรักสนุก เข้ากับร่างกายสูงเพรียวแต่แข็งแรงสีอ่อนหยาบกร้าน ตัดกับเสื้อนอกสีน้ำตาลแขนกุดซึ่งผลิตมาจากหนังสัตว์ซึ่งสวมทับเสื้อคอกลมสีส้มของเขาอีกชั้นหนึ่ง เด็กหนุ่มยื่นแขนเรียวยาวออกมาจากแขนเสื้อเพื่อเช็ดดาบสีเงินเป็นประกายเล่มใหญ่บนตักอยู่อย่างทะนุทนอม พลางสอดส่องสายตาไปรอบ ๆ ตัว“นายอยากมีอาชีพอะไรในอนาคต” เสียงเอ่ยถามดังขึ้นจากปากของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเขียวใบตองยาวสลวยจรดเอวบางจนดูคล้ายอิสตรี ร่างบางที่สวมเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์นั้นกำลังนั่งห้อยขาบนกิ่งไม้ของต้นไม้สูงชะลูดอยู่ข้างกายเด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมสีส้ม เขากำลังก้มลงอ่านหนังสือเล่มหนาราวหลายร้อยหน้าซึ่งขนขึ้นมาบนต้นไม้อย่างทุลักทุเล แต่ผลประโยชน์ที่ได้ก็คือการได้อ่านหนังสือบนต้นไม้ที่ร่มรื่นมีบรรยากาศดีก็รู้สึกว่าอ่านได้เร็วขึ้นมาก "อืมม์… ก็อาจจะเป็น นักรบมั้ง แล้วนายล่ะ” เจ้าของเสียงนี้ก็คือเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีส้มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เด็กหนุ่มผมสีเขียวนั่นเอง มือหยาบกร้านสีอ่อนที่เช็ดดาบเล่มใหญ่บนตักด้วยผ้านั้นหยุดชะงัก แล้วเจ้าของของมือนั้นก็เปลี่ยนท่านั่งไปเป็นนั่งไขว้ห้างพลางหันหน้ามาทางผู้ที่ถาม ทำให้กิ่งไม้ที่เขานั่งอยู่ไหวน้อย ๆ จอมมเวทน่ะ แต่จะว่าไปนะ เดี๋ยวนี้ข้าเห็นประกาศที่หมู่บ้านรับสมัครนักรบเวทฝึกหัดเพื่อป้องกันพันธมิตรดาเรนเซียร์ด้วยนะ” เด็กหนุ่มผมสีเขียวตอบเสียงระรื่น ริมฝีปากเรียวบางสีแดงอ่อนกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นเพื่อนสนิททำท่าสนใจ แล้วเขาก็ค่อยเสริมต่ออีกว่า “นักรบกับจอมเวท รวมกันเป็นนักรบเวทได้พอดี สนใจที่จะไปสมัครไหมล่ะ” “ก็สนใจอยู่อ่านะ แต่ว่าพันธมิตรอะไรนั่นมันคืออะไรกันเนี่ย ข้าไม่เห็นเคยได้ยินเลย” เด็กหนุ่มตอบ ดวงตาสีแดงอมส้มเริ่มทอประกายแววสนใจ แต่ว่าเพื่อนของเขากลับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจในการไม่ติดตามข่าวบ้านข่าวเมืองของเพื่อนกันบ้างเลย“นายไม่เคยได้ยินรึไง ขนาดฉันที่เพิ่งย้ายมาใหม่ยังรู้เรื่องเลยนะ แต่นายน่ะอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่รุ่นทวดแล้วใช่ไหม ถ้าฉันจำไม่ผิดนะ ทวดนายเฟย์คาเอล ปู่นายเฟย์โรซัส พ่อนายเฟย์ซาเรส ส่วนนายน่ะ เฟย์ราเซส ฉันนี่อยากตบหัวนายจริง ๆ ” เด็กหนุ่มผมสีเขียวร่ายพลางนับนิ้ว ทำให้เจ้าของนามเฟย์ราเซสเริ่มหมั่นไส้คนตรงหน้าขึ้นมาตระหงิด ๆ “ก็ตบสิ” เฟย์ราเซสแหย่อย่างอารมณ์ดี แต่ว่าเพื่อนของเขากลับตอบอย่างกวนประสาทยิ่งกว่าว่า “ไม่เอาล่ะ ถ้าฉันตบหัวนาย นายก็จะตกต้นไม้ต้นนี้แล้วก็จะร้องไห้แง ๆ ไปฟ้องแม่น่ะสิ” เฟย์ราเซสมีสีหน้าเริ่มบึ้งตึงมากขึ้นเพราะหัวข้อสนทนาในตอนนี้นั้นไม่เป็นดั่งคิดไว้ แต่เขาก็ยังถามเพื่อนตรงหน้าต่อพลางเอาดาบที่อยู่บนตักเก็บเข้าฝักระหว่างนั้นมันก็ทำให้นกตัวหนึ่งที่อยู่แถวนั้นบินหนีไปด้วยความหวาดกลัวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วยล่ะ ถ้าฉันจะไปฟ้องแม่” เด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลอมส้มถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่บอกก็รู้ว่าคนที่พูดนั้นกำลังอารมณ์บูด ระหว่างนั้นเพื่อนของเขาก็ยิ้มกว้างขึ้นแล้วเปลี่ยนท่าไปเป็นนั่งไขว้ห้างเช่นกันพลางเงยหน้าตาที่ดูระรื่นขึ้นมาเพื่อมองเพื่อนสนิทตรง ๆ
“ก็เผื่อนายแอบชอบใครอยู่ ถ้านายวิ่งไปในหมู่บ้านตอนร้องไห้แบบนั้นน่ะ เดี๋ยวเธอจะหมดรักในความเท่ของนายนะ” เด็กหนุ่มผมสีเขียวยิ้มบาง ๆ เรื่องฝีปากนี่เขาย่อมมาก่อนเสมอ ยังไม่เคยมีใครประลองฝีปากกับเขาจนชนะได้เลย แม้แต่ครอบครัวของเขาก็ตาม
“ฉันเคยชอบใคร… ที่ไหนเหรอ” เฟย์ราเซสชี้หน้าตนเองแล้วทำหน้าเหลอหลา นัยน์ตาสีแดงอมส้มทอประกายระริกด้วยความขบขัน “บางทีน่ะนะ นายอาจจะมีเธอในดวงใจแล้วก็เลยกลัวว่าถ้าฉันร้องไห้ไปฟ้องแม่เนี่ย เธอก็อาจจะได้ยินข่าวที่นายรังแกฉันแล้วก็จะคิดว่านายเป็นอันธพาลน่ะสิ”
“นาย…นาย” เด็กหนุ่มผมเขียวเกิดอาการติดอ่างเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะโต้กลับว่า “อ๋อ เจ้าเฟย์ ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมนายถึงเถียงกับฉัน เพราะนายอยากปกปิดความจริงที่นายแอบชอบใครอยู่น่ะสิ ใช่ไหม”
เฟย์ราเซสนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อสงบสติอารมณ์แล้วค่อยปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังเพื่อถามต่อไป
“อย่าเพิ่งนอกเรื่อง บอกฉันมานะว่าพันธมิตรนั่นคืออะไร” เขาถามด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์แต่มันแฝงด้วยการขู่นิด ๆ แล้วเจ้าของเสียงนั้นก็ขยับกายด้วยความเมื่อยทำให้ใบไม้เหี่ยวแห้งสีน้ำตาลสองสามใบร่วงลงไปบนพื้นหญ้าด้านล่าง ส่งเสียงกรอบแกรบดังขึ้นมา
“พันธมิตรดาเรนเซียร์ก็มีหมู่บ้านเรา หมู่บ้านเฮรันแล้วก็หมู่บ้านโซริคเป็นสมาชิก” เด็กหนุ่มผมสีเขียวตอบสั้น ๆ พลางยิ้มแย้มอย่างสดใสจนทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เริ่มคิดว่า
หมอนี่พอยิ้มก็สวยคล้ายพวกผู้หญิงเลยแฮะ แต่ถ้ามันเป็นผู้หญิงจริง ๆ ล่ะนะเราก็จะเอามันมาเป็น… ของเรานั่นซะเลย ฮึฮึ
เฟย์ราเซสยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่ก็ฉุกใจคิดได้ว่ามีเรื่องจะถามต่อไป
“แล้วนายเห็นประกาศนั่นที่ไหนน่ะ เดี๋ยวฉันจะไปดูซะหน่อย”
“บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านน่ะ เอางี้เดี๋ยวฉันจะนำทางไปให้เอง” เด็กหนุ่มผมสีเขียวตอบและปิดหนังสือเล่มใหญ่เสียงดังพลางปีนต้นไม้ลงมาอย่างทุลักทุเลนิดหน่อย ส่วนเฟย์ซาเรสก็เอ่ยว่า
“ด้วยพลังแห่งวาโย จงพัดพาข้าไปสู่จุดหมาย” สายลมสีขาวพัดเขาให้ลอยขึ้นและลงต้นไม้ตามทิศทางที่ผู้ร่ายเวทชี้มาอย่างรวดเร็ว เขาเก็บดาบเข้าฝักพลางลูบผมสีส้มให้เรียบร้อย แล้วเปรยว่า
“แปลกเนาะ ไม่รู้ทำไมคนที่อยากเป็นจอมเวทเนี่ย ไม่ยอมใช้เวทเลย” เด็กหนุ่มผมเขียวกระโดดลงมาทันทีเมื่อได้ยินคำเปรยของเฟย์ซาเรสจากนั้นเขาก็วิ่งหายไปในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
“ชิ ล้อหน่อยเดียวก็วิ่งไปเลย” เฟย์ซาเรสบ่นเบา ๆ พลางเดินเข้าไปยังหมู่บ้าน “แต่จะว่าไปเราก็ไม่ค่อยเห็นมันใช้เวทเลยนะ นอกจากว่ามันจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น”
นอกหมู่บ้านนี้เป็นป่าที่แม้พอมีแสงแดดส่องเข้ามาอยู่บ้าง แต่ก็มีมอสขึ้นอยู่ปนกับหญ้าเช่นกัน หญ้าที่ขึ้นที่นี่นั้นเป็นหญ้าสีเขียวใบเรียวปลายแหลมขึ้นอยู่บนพื้นดินเกือบทุกตารางนิ้วยกเว้นตรงทางเดินที่มีคนเหยียบย่ำมากจนไม่สามารถขึ้นได้
หมู่บ้านของเฟย์ราเซสนั้นล้อมรอบด้วยกำแพงไม้ปลายแหลมสูงตระหง่านและมียามเฝ้าประตูเนื่องด้วยที่นี่เป็นหมู่บ้านที่ไม่ได้อยู่ภายใต้อาณาจักรใด ๆ ทำให้พวกเขาต้องดูแลตนเองเป็นอย่างมากแต่ก็เป็นการฝึกให้ชาวหมู่บ้านนี้มีความชำนาญในการทำอะไรเองไม่ต้องพึ่งคนอื่น
ร้านที่อยู่ติดกับกำแพงเมืองนั้นคือโรงเตี๊ยมซึ่งปกติจะมีผู้คนคึกคัก แต่เนื่องด้วยเศรษฐกิจและสถานการณ์ไม่อำนวย ก็ทำให้ผู้ที่เข้ามาอยู่ในโรงเตี๊ยมนี้น้อยลงมาก ร้านที่ติดกันก็คือร้านขายอาวุธที่มีอาวุธมากมายเรียงขายอยู่ เจ้าของร้านนี้คือชายผู้มีลักษณะที่แปลกจากคนอื่นคืออ้วนและเตี้ยทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ขายอาวุธ ต่อมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านของผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้
เฟย์ราเซสเร่งฝีเท้าขึ้นและเลิกมองหาเพื่อนของเขา ในตอนนี้เขาต้องไปดูประกาศให้เร็วที่สุดเพราะเวลานี้เป็นเวลาประมาณสามโมงแล้ว ในหมู่บ้านนี้ถ้าอยู่ข้างนอกบ้านหลังหกโมงก็อาจจะโดนสัตว์ประหลาดคาบไปกินหรือให้เขาเป็นอาหารให้ลูก ๆ ของมันก็ได้
บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเป็นบ้านไม้สีน้ำตาลแดงก่อเป็นรูปพีระมิดขนาดใหญ่ดูโอ่อ่า ประตูทางเข้าเจาะเป็นรูปสามเหลี่ยมคลุมด้วยผ้าสีแดงสดผ่ากลางซึ่งเขียนด้วยหมึกสีดำคล้ายเป็นยันต์ ด้านหลังบ้านหลังนี้มีผู้คนยืนมุงกันอยู่ราวเกือบยี่สิบคน เฟย์ราเซสจึงเดินไปดูบ้าง

ประกาศ
จากหัวหน้าหมู่บ้านทั้งสาม

ในขณะนี้หกอาณาจักรใหญ่เริ่มทำสงครามกันเองแล้วเพื่อแย่งชิงศาสตราแห่งอัคคีรวมถึงมีอสูรเริ่มออกมาจากประตูมิติอสูรกาย อาจจะก่อให้เกิดลูกหลงมายังหมู่บ้านในพันธมิตรของเรา ดังนั้นพวกเราจึงขอเปิดรับสมัครนักรบเวทรุ่นเยาว์ที่จะทำหน้าที่ป้องกันหมู่บ้าน รายละเอียดถามได้ที่ผู้ใหญ่บ้านทั้งสาม (ส่วนที่เหลือมองไม่เห็น)


“เออ ผู้ใหญ่บ้านฮะ ไม่ทราบว่าเรื่องประกาศนั่นมีรายละเอียดยังไงหรือฮะ” เฟย์ซาเรสถามเมื่อเจอผู้ใหญ่บ้าน … ชายชราเครายาวสีขาวแสนอารมณ์ดีที่เด็ก ๆ ทุกคนในหมู่บ้านนี้รัก เขามีท่าทางคล้ายหลวงจีนแก่ ๆ ถือไม้เท้าเดินออกมาตรวจดูความเรียบร้อยของผู้คนที่มาดูประกาศ
“อ๋อ พวกเราก็เปิดรับคนอายุสิบสามปีถึงยี่สิบสามปีมาเข้าร่วม มีค่าจ้างให้ด้วย” ผู้ใหญ่บ้านตอบพลางยิ้มอย่างใจดี แอบขำเล็กน้อยเมื่อเด็กหนุ่มตาลุกวาวขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง
“แล้วจะสมัครยังไงล่ะครับ”
“อ้าวหนุ่มน้อย เจ้าไม่ได้อ่านหรือว่าถ้ามาถามข้าเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นการมาสมัครเลย ไม่สามารถสละสิทธิ์ได้ด้วยนะ ขอบอก” ชายชราตอบอย่างประหลาดใจ แต่ก็ยังพูดต่อไปว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะรวมพลกันที่ลานกว้างใจกลางหมู่บ้านของเราตอนเวลาแปดโมงนะ”
“ฮะ”
อ้าว ซวยแล้วสิเรา คนบังเป็นเหตุ นึกออกแล้วล่ะทำไมลอสถึงพูดเรื่องนี้ มันคงมาถามแบบเรานั่นแหละ แล้วที่เราทำก็เป็นในแผนการของมัน อ๊ากกกกกกก ลอสเดี๋ยวเราจะไปแก้แค้นนาย !!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น